เช้าวันหนึ่ง ฉันตื่นขึ้นมาด้วยความหม่นมัวในใจ
เกลือกกลิ้งอยู่บนที่นอนด้วยความคิดวนเวียนอยู่ในหัว
ความรู้สึกเบื่อหน่ายซึมเซา หมองเศร้ากับชีวิต
และก็เหมือนทุกๆ เช้าของวันหยุด
ตื่นแล้วก็ต้องหยิบหนังสือที่วางบนหัวเตียง
อ่าน อ่าน และ อ่าน ขีดเส้นใต้ข้อความที่ประทับใจ
หลายข้อความผ่านตา
จิตใจที่หดหู่ ซึมเซา กลับรู้สึกเริ่ม...ผ่อนเบา...อ่อนคลาย
จนถึงบทสุดท้ายเป็นการสัมภาษณ์ผู้เขียน...
.. " เราพยายามเป็นหนึ่งเดียวกับคนที่เรารัก..คนที่เรามีกรรมผูกพันกันมา...
" ทุกข์นั้นไม่จำเป็นต้องจบลงด้วยความพ่ายแพ้และทำให้คุณจมดิ่งลงไปในความมืด
มันอาจเป็นจุดเริ่มต้นของแสงสว่างก็ได้"
" บ่อยครั้ง สิ่งที่ดูเหมือนเลวร้ายในชีวิตคุณ แท้จริงกลับเป็นบทเรียนที่ฟ้าดินมอบให้ "
" ทุกอย่างเป็นครูของเราได้หมด ทุกอย่างที่มากระทบเรานี่ ถ้าเราทำจิตให้ว่างเสีย
" บ่อยครั้ง สิ่งที่ดูเหมือนเลวร้ายในชีวิตคุณ แท้จริงกลับเป็นบทเรียนที่ฟ้าดินมอบให้ "
" ทุกอย่างเป็นครูของเราได้หมด ทุกอย่างที่มากระทบเรานี่ ถ้าเราทำจิตให้ว่างเสีย
มันก็ผ่านไป เหมือนที่ท่านเซอเกียล รินโปเช เขียนว่า
จิตเดิมของเราเหมือนเวิ้งฟ้า เมฆผ่านมาแล้วผ่านไป แต่ฟ้าก็ยังนิ่งใสเหมือนเดิม "
ข้อความผ่านตา จิตใจรู้สึกโล่ง โปร่งสบายขึ้นมาอย่างน่าประหลาด
ข้อความผ่านตา จิตใจรู้สึกโล่ง โปร่งสบายขึ้นมาอย่างน่าประหลาด
ทบทวนถึงสิ่งก่อให้เกิดทุกข์ ก็เริ่มเห็นถึงความไม่เที่ยง ความเกิด – ดับ
ที่เกิดขึ้นตลอด เดี๋ยวสุข – เดี๋ยวทุกข์ ,เดี๋ยวหัวเราะ – เดี๋ยวร้องไห้
ทุกอย่างไม่มีสิ่งจีรัง
....
ฉันคิดถึงเธอ...
แม้รู้ว่าทุกสิ่งมีเปลี่ยนแปลง
ฉันขอเพียงเวลาสั้นๆ ของเรา เป็นเวลาที่เรามีความสุขด้วยกัน .. เท่านั้นพอ
....
....
ฉันคิดถึงเธอ...
แม้รู้ว่าทุกสิ่งมีเปลี่ยนแปลง
ฉันขอเพียงเวลาสั้นๆ ของเรา เป็นเวลาที่เรามีความสุขด้วยกัน .. เท่านั้นพอ
....
หนังสือ... " วันที่ถอดหมวก "
โดย..เสกสรรค์ ประเสริฐกุล
สำนักพิมพ์ สามัญชน
โดย..เสกสรรค์ ประเสริฐกุล
สำนักพิมพ์ สามัญชน
ภาพลักษณ์บุรุษสวมหมวก คือส่วนหนึ่งของความเป็นตัวตนของอาจารย์เสกสรรค์
มาตลอดร่วม 30 ปี โดยท่านถือว่าการสวมหมวกถือเป็นการยืนยันอิสรภาพแห่งตัวตนของท่านทีเดียว
แต่แล้ววันหนึ่ง มีบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่ต้องเปลี่ยนแปลง
การสวมหมวกของท่านผู้เขียนถูกสั่นคลอน ต้องทบทวนอัตตาแห่งตน
คนที่ยึดถือศักดิ์ศรียิ่งชีวิต กลับต้องมายอมให้กับอีกผู้หนึ่ง
ซึ่งมิใช่ผู้ยิ่งใหญ่มาจากไหน แต่กลับเป็นหมาจรจัดตัวหนึ่ง
เพียงเพื่อฝึกฝนความเมตตา ความนอบน้อมถ่อมตน ก่อให้เกิดความสมานฉันท์
ระหว่างคนกับหมา อีกทั้งเป็นการเยียวยาบาดแผลเก่าในใจของสิ่งมีชีวิต 2 สปีชี่ได้สำเร็จอีกด้วย
"วันที่ถอดหมวก" ได้ถูกรวบรวมเรื่องราวประสบการณ์ล้ำค่า
ของท่านผู้เขียนไว้มากมาย และที่สำคัญ บทสัมภาษณ์ท้ายเล่ม
เชื่อว่าสามารถปลุก " พุทธะ" ของท่านผู้อ่านได้ไม่มากก็น้อย
และสิ่งที่จะขาดไปไม่ได้ ทั้งที่มีข้อความกล่าวเกริ่นหน้าปกหลังว่า
" งานชุดนี้ แทบไม่เอ่ยถึงปัญหาเศรษฐกิจ การเมืองและสังคม
เหมือนเล่มอื่นๆ" แต่พอได้อ่านดูแล้ว ก็พบและเชื่อมั่นว่า
อย่างไรเสีย ท่านผู้เขียนก็คงไม่สามารถผ่านเลยสิ่งที่ได้หลอมละลายอยู่ในทุกลมหายใจ
ของท่านไปได้ เพียงแต่อาจไม่หน่วงหนักเหมือนเล่มอื่นๆ เท่านั้น
6 comments:
แวะมาเยี่ยมครับ
ขอบคุณสำหรับหนังสือดี ๆ
ผมตามมาจาก
บล็อกของคุณกู่...
ตาดูหูฟัง บันทึกธรรมชาติ....
จนมาถึงห้องหนังสือของป้าอิส ครับ
พี่คะ,
ดีใจที่เห็นแนะนำหนังสือเล่มนี้ พี่เสกถือเป็น"ครูทางวิญญาณ" ของ ญ
ว่าแต่พี่อ่าน "ผ่านพบไม่ผูกพัน" หรือยังคะ
คุณ ญ คะ
ผ่านพบไม่ผูกพัน ต้องไปดูตรง previous ค่ะ
เกือบท้ายๆ เลยค่ะ
เอาบล็อกมาฝากhttp://happytreebiz.blogspot.com/
น่าอ่านจังเลยค่ะ
ขอบคุณมากค่ะ
Post a Comment